การทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุค 5.0โดย อาจารย์สุธี เตชะรักษ์วงศ์ : นายกสมาคมธุรกิจคริสเตียนไทย ผมต้องดูแลธุรกิจในครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเปรียบเทียบวิธีการทำงานสมัยรุ่นคุณพ่อ กับรุ่นเราก็แตกต่างกัน และถ้ายังเปรียบเทียบกับรุ่นลูกหลานเรา คงต้องปรับตัวกันแบบยกเครื่องทีเดียว! อย่างไรก็ตาม หลักการทำธุรกิจพื้นฐานยังคงต้องยึดถือไว้ นั่นคือ รูปแบบและวิธีการ เปลี่ยนได้แต่หลักการและหัวใจการทำธุรกิจยังคงเหมือนเดิม ซึ่งผมใคร่ขอแบ่งปันถึงหลักการ 7 ประการที่ประสบความสำเร็จ ดังนี้📌 หลักข้อที่ 1: SHARINGการทำธุรกิจยุคก่อน เราถูกสอนมาว่า จะทำอะไร ต้องทำเองหมดทุกอย่างตั้งแต่ “ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ” และถ้าเราสังเกตทรัพย์สินสิ่งของที่เรามี เราก็ไม่เคยใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ นี่คือ แนวคิดของ Sharing Economy, Co-Working Space ฯลฯ ดังนั้น หลักการทำธุรกิจในยุคนี้ จึงควรแบ่งปันกันว่า เราเก่งอะไร? เรามีอะไร? และเพื่อนของเราเขาเก่งอะไร? เขามีอะไร? อะไรที่ร่วมกันได้บ้าง? เพื่อ 1+1 จะได้มากกว่า 2📌 หลักข้อที่ 2: WIN-WINเรามักถูกสอนมาอีกว่า เป้าหมายการทำธุรกิจคือ ‘ผลกำไรสูงสุด’ แต่จากประสบการณ์สอนผมว่า ถ้าเราต้องการทำธุรกิจที่ยั่งยืน เราต้อง “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ต้องคำนึงอยู่เสมอว่า ถ้าเราอยู่ในตำแหน่งของเขาแล้วเราจะได้อะไร ทั้งด้านราคา คุณภาพ และการบริการ กล่าวคือ ผู้ขาย WIN เพราะขายได้กำไร ผู้ซื้อก็ WIN เพราะได้สินค้าดีมีคุณภาพ คุ้มราคา จะเป็นแนวทางการทำธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน📌 หลักข้อที่ 3: PROFESSIONALยุคนี้เป็นยุคที่ความรู้หาได้โดยทั่วไป สินค้ามีความหลากหลายและมีนวัตกรรมมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ต้องตอบโจทย์การใช้อย่างเฉพาะเจาะจง ดังนั้น ธุรกิจที่จะอยู่ได้ในยุคนี้ ผู้ประกอบการต้องรู้จริง รู้ลึกในธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จะรู้แบบฉาบฉวยไม่ได้ หมดยุคของผู้สมัครเล่นอีกต่อไป📌 หลักข้อที่ 4: CONNECTIONผลิตภัณฑ์ต่างๆในปัจจุบัน แทบทุกอย่างหาได้ในช่วงพริบตา แถมราคาก็โปร่งใส สามารถเปรียบเทียบในหลายๆยี่อห้อให้เห็นได้ง่าย ปัญหาของผู้ซื้อจึงอยู่ที่ว่า “เราอยากซื้อกับใคร” ดังนั้น การมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ซื้อ การสร้างมิตรภาพ ความน่าเชื่อถือ และการบริการหลังการขายที่ต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนอื่นอยากซื้อสินค้าหรือบริการจากเรา📌 หลักข้อที่ 5: BUSINESS MODELธุรกิจในยุคนี้ เรียกได้ว่า มีการแข่งขันสูงและดุเดือด ถึงขนาดบางธุรกิจเรียกได้ว่าเป็น Red Ocean ก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส แนวคิดโมเดลธุรกิจ จึงเป็นตัวตัดสินว่า ธุรกิจของเราจะไปรอดหรือไม่ ตัวอย่าง เช่น นวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รสชาติอร่อยขึ้น หรือ การเจาะจงกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะ เช่น ผู้สูงวัย, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ฯลฯ การข้ามประเภทธุรกิจ เช่น การเปิดร้านหนังสือในธนาคาร, การเปิดร้านอาหารบนรถทัวร์ ฯลฯ ล้วนเป็นทางเลือกใหม่ๆ ในการประกอบธุรกิจในยุคนี้📌 หลักข้อที่ 6: PASSIONเราอาจจะเป็นมือโปรในธุรกิจ มีคอนเนคชั่นเพื่อนฝูงมากมาย และมีไอเดียโมเดลธุรกิจที่บรรเจิด แต่สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจไปรุ่งหรือร่วง มีอีกสิ่งหนึ่งคือ “การมีหัวใจรักในธุรกิจที่เราทำ” PASSION เป็นตัวกำหนดความอึด ความอดทนของเรา ล้มกี่ครั้งก็ยังจะคงลุกขึ้นมาได้ ดังนั้น “จงค้นพบตัวเองให้เจอ และหาธุรกิจที่ใช่ในตัวเรา”📌 หลักข้อที่ 7: ETHICจงจำไว้เสมอว่า ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่มีกำไร แล้วเราจะทำได้ ถ้าสิ่งนั้นขัดต่อจริยคุณธรรม (หรือบางสายอาชีพ เรียกว่า จรรยาบรรณ) พระเยซูคริสต์ ตรัสว่า “จริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่” ยังคงเป็นจริงเสมอในการประกอบธุรกิจ การมีจริยธรรมในการทำธุรกิจจะทำให้เราคำนึงถึงประโยชน์ต่อผู้บริโภค ต่อสังคมชุมชนที่เราอาศัยอยู่ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผมเชื่อว่า แม้รูปแบบธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่หลักการทำธุรกิจทั้ง 7 ข้อ ที่ผมยึดถือเป็นแนวทางในการเริ่มและทำธุรกิจยังคงเป็นสูตรสำเร็จเสมอครับ บทความดีดี 0 comment 0 FacebookTwitterLINEEmail admin_TCBA previous post อะไรทำให้คนเก่งไม่ประสบความสำเร็จ next post ก้าวสู่ OTOP ภาคปฏิบัติ You may also like ยุทธวิธีสำหรับบริษัทเล็ก 04/02/2020 ธุรกิจที่เป็นพรต่อสังคม 31/01/2020 12 เทคนิค การร่วมงาน PARTY 22/01/2020 ปรับวิธีคิดแบบวิศวกร 16/01/2020 สื่อยุค 4.0 แค่เส้นผมที่บังภูเขา… จริงหรือ? 03/10/2019 BUILD Club นักปั้นธุรกิจคริสเตียนยุค 4.0 03/10/2019 กระดุมเม็ดแรก สำคัญแค่ไหน 02/10/2019 นักการขายอย่างผม 10/09/2019 การเจรจาต่อรอง(ฉบับวิศวกร) 03/09/2019 ประตูสู่ สปป.ลาว 03/09/2019